Artmulet
ผู้รังสรรค์ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธาอันทรงคุณค่า เพื่อมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป
ชมผลงานมหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์
มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์
มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์ ผู้ประทานอำนาจแห่งเมตตาบารมี สยบอำนาจทั้งหลายในจักรวาล
พระอิศวรหรือพระศิวะนั้นทรงมีพระแม่อุมามหาเทวีเป็นอัครมเหสีคู่บารมีที่มีความงดงามยิ่งนักและมีบุตรด้วยกันสองพระองค์คือขันทกุมารผู้เป็นพี่และพิฆเนศผู้เป็นน้องซึ่งทั้งสองพี่น้องนั้นถือเป็นผู้ที่มีฤทธิ์เดชเป็นอย่างมากโดยเฉพาะองค์พิฆเนศนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งความสำเร็จ ส่วนขันทกุมารนั้นถือเป็นเทพแห่งชัยชนะในการสู้รบ พระแม่อุมามหาเทวีนั้นเป็นพระมารดาผู้เป็นใหญ่และได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งความรักของชาวฮินดู ว่ากันว่าหากใครหมั่นบูชาพระองค์อย่างสม่ำเสมอ พระแม่อุมามหาเทวีก็จะทรงประทานยศถาบรรดาศักดิ์และความเป็นใหญ่ให้แก่ผู้นั้น ท่านจึงได้รับความเคารพและความศรัทธาจากผู้คนทั้งหลายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการขึ้นสู่อำนาจ วาสนา บารมี มีความรักและครอบครัวที่สมบูรณ์ พระองค์จะทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรู ทำลายสิ่งชั่วร้าย ตลอดจนประทานบริวารและอำนาจในการปกครอง รวมไปถึงความสุขสมบูรณ์ในการครองเรือน ประทานบุตรที่เป็นคนดีเฉลียวฉลาดและเพียบพร้อมด้วยวาสนาบารมี ทรงคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ให้คลอดง่าย ตลอดจนแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงพากันสักการะบูชาและขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักและการขอบุตร สรุปความได้ว่าเมื่อผู้ใดเป็นผู้กระทำความดีและมีจิตศรัทธาอย่างมุ่งมั่นต่อองค์พระอิศวรและพระแม่อุมามหาเทวีแล้วไม่ว่าจะขอพรในเรื่องใดก็จะสำเร็จได้สมดังใจปรารถนาตามกำลังบุญและศรัทธาที่ได้สั่งสมไว้อย่างแน่นอน จากเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาของอัครมเหสีแห่งมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสามโลก ผู้อยู่เหนือกาลเวลาผู้สถิต ณ เขาไกรลาสแกนกลางของจักรวาลสู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังกาล พระนาม “มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์”
มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์ ถือเป็นตัวแทนแห่งผู้ที่อยู่เหนือเจ้าผู้ปกครองทั้งหลายสมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวงด้วยมหาบารมีแห่งความรักความอบอุ่นและพระเมตตาที่แผ่ไปทั่วทั้งจักรวาลเหนือกาลเวลา เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ความดี มีพระเมตตาต่อทุกสรรพชีวิต เป็นต้นแบบแห่งผู้ที่อยู่เหนือเจ้าผู้ปกครองทั้งหลาย และยังทรงเป็นผู้ทำลายล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มีอยู่สู่ความสุขสมบูรณ์ต่อผู้ที่มีจิตศรัทธาอย่างแท้จริง
จากตำนานแห่งความศรัทธาสู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งพระอัครมเหสีขององค์อิศวรมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เหนือกาลเวลาและสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล ในรูปแบบศิลปะไทย ที่มีพระพักตร์ยิ้มแย้มดูอิ่มเอิบและอบอุ่นด้วยความสุขจากภายในสู่ภายนอก มีพระพักตร์ที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาด้วยพระสิริโฉมอันงดงามอย่างยิ่ง พระหัตถ์ซ้ายทรงประคององค์พิฆเนศน้อยที่ดูน่ารักสมบูรณ์และเฉลียวฉลาดเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทั้งปวง พระหัตถ์ขวาทรงประทานพรแก่ผู้ศรัทธา ทรงภูษาอาภรณ์ลายดอกพร้อมเครื่องทรงอิสริยยศแห่งอัครมเหสีขององค์มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสามโลก ทรงอิริยาบถที่งดงามอ่อนช้อยประทับเหนือหลังพญาราชสีห์ที่มีมัดกล้ามอันทรงพลังอำนาจดูดุดันน่าเกรงขามอันเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ยังคงทรงอิริยาบถที่งดงามอ่อนช้อย ส่วนองค์พิฆเนศน้อยนั้นพระหัตถ์ขวาบนทรงดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองด้วยคุณงามความดีทั้งปวง พระหัตถ์ซ้ายบนทรงขวานสัญลักษณ์แห่งการฟันฝ่าทำลายอุปสรรคทั้งหลายให้หมดสิ้นไป พระหัตถ์ซ้ายล่างทรงขนมโมทกะสัญลักษณ์แห่งความสุขและความอุดมสมบูรณ์ พระหัตถ์ขวาล่างทรงประทานพรแห่งความสำเร็จทั้งหลายให้แก่ผู้ศรัทธาในพระองค์อย่างแท้จริง ส่วนพญาราชสีห์ที่มีมัดกล้ามอันทรงพลังนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจบารมีอันยิ่งใหญ่ เป็นที่เกรงขามต่อศัตรูหมู่มารทั้งหลาย ดังนั้นผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา “มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์” จึงเป็นผลงานอันเกิดขึ้นจากศรัทธาอันจะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป โดยผลงานดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวอันมีความต่อเนื่องจากผลงาน อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต มหาเทพองค์สูงสุดตามลัทธิไศวนิกายที่ทาง ARTMULET นั้นได้เคยจัดสร้างไว้แล้ว จากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.กฤษณะ นาพูนผล สองศิลปินที่สามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย และทั้งหมดนี้เพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของของคนไทยสืบไป
พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์
พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์
พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์ เปิดโลก เปิดดวงชะตา พบทางสว่างสู่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล
“พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” เป็นพระพุทธรูปปางเปิดโลกอันมีที่มาจากพุทธประวัติเมื่อครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจำพรรษาเพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาจนครบพรรษาแล้วจึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในครั้งนั้นพระองค์ทรงกระทำโลกวิวรณปาฏิหาริย์ คือ ทรงเปิดโลกทั้ง ๓ อันได้แก่ สวรรค์ มนุษย์ และบาดาลหรือยมโลก ได้มองเห็นกันทั้งหมดเพื่อร่วมกันอนุโมทนาบุญที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา แล้วจึงเสด็จลีลาลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่สังกัสสนคร ดังนั้นพระพุทธรูปองค์นี้จึงเป็นพระพุทธรูปปางเปิดโลกอันมีที่มาจากเรื่องราวตามพุทธประวัติอันเป็นมหามงคลประดุจดังเป็นการเปิดโลก เปิดดวงชะตาพบหนทางสว่างสู่ความเป็นมหามงคล
“พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” พระนามอันมีที่มาจากพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ต้นราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัยอันเป็นอาณาจักรเริ่มแรกของคนไทย ในยุคต้นแห่งอาณาจักรสุโขทัยราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ นั้น พระพุทธรูปโดยส่วนใหญ่ยังคงยึดถือศิลปะขอมแบบบายน ตามคตินิยมที่ได้รับมาจากเขมร ถือได้ว่าพระพุทธรูปศิลปะขอมแบบบายนนั้นเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามคลาสสิก ได้รับความนิยมและมีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีตจวบจนปัจจุบันพระพุทธรูปศิลปะขอมแบบบายนยังเป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมพระพุทธรูปเก่าเป็นอย่างมาก องค์ที่มีความสมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากแล้ว ทางวัดขุนอินทประมูลจึงมีแนวคิดที่จะจัดสร้างพระพุทธรูปศิลปะขอมแบบบายนขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้วัดขุนอินทประมูลนั้นถือเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ครั้งสมัยสุโขทัยจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะจัดสร้าง “พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” ในแบบศิลปะขอมแบบบายนขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คณะกรรมการวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ได้มอบหมายให้ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม เป็นประธานดำเนินงาน มี ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล เป็นที่ปรึกษาในโครงการจัดสร้าง “พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” พระพุทธรูปปางเปิดโลกศิลปะขอมแบบบายนที่มีการประยุกต์เรื่องราวอันสื่อความหมายถึงการเปิดโลกเปิดดวงชะตานำพาหนทางสว่างแก่ผู้นำไปสักการะบูชา และต้องมีความงดงาม ประณีต วิจิตรบรรจง เพื่อมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาในการร่วมสร้างที่พักสถานปฏิบัติธรรมและศาลาอเนกประสงค์ภายในวัดขุนอินทประมูล ไว้สำหรับเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาเพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป
“พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมแบบบายน มีพระพักตร์เหลี่ยม พระเนตรเบิกโพลง ประทับยืนพระหัตถ์ปางเปิดโลก ครองจีวรห่มคลุม สวมเครื่องทรงอันได้แก่ มงกุฎซึ่งประกอบ ด้วยรัดเกล้ากรวยและกระบังหน้า กุณฑลแหลม กรองศอ พาหุรัด รัดประคดและถบหน้านาง ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ มีฐานรองพระบาทอยู่เหนือกลีบบัวคว่ำ ตามแบบพระพุทธรูปศิลปะลพบุรีแบบนครวัด มีฐาน ๓ ชั้นเปรียบเปิดดังพระพุทธองค์ทรงเปิดโลกทั้ง ๓ ฐานมีลักษณะขั้นบันไดทั้ง ๔ ด้าน ตามแบบบันไดทางขึ้นนครวัด “พระพุทธธรรมราชาอินทราทิตย์” ถือเป็นสุดยอดแห่งความเป็นมหาสิริมงคลเพื่อเปิดโลก เปิดดวงชะตาสู่หนทางสว่างเมื่อได้มีไว้บูชาและยังถือเป็นพระประจำตระกูล เพื่อความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลและเป็นมรดกสืบทอดไปยังลูกหลานในภายหน้า
พระชัยพุทธมหานาถ
พระชัยพุทธมหานาถ
พระชัยพุทธมหานาถ เจริญด้วยอายุ วัณโณ สุขัง พลัง เจริญด้วยความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล งดงามอลังการด้วยศิลปะขอมบายน
”พระชัยพุทธมหานาถ” วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง อันเป็นงานประติมากรรมศิลปะบายนหรือเรียกว่าศิลปะขอมที่มีความต่อเนื่องมาจากงานพระพุทธรูปในชุด “มหาไตรภาคี” และพระพุทธลีลานฤมิตมิ่งมงคล อันประกอบไปด้วยพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่ง พระพุทธรูปสุโขทัยและพระพุทธรูปอู่ทอง ดังนั้นจึงขาดเสียไม่ได้ถึงพระพุทธรูปในแบบศิลปะขอมและในบรรดาพระพุทธรูปในแบบขอมนั้น “พระชัยพุทธมหานาถ” เป็นพระพุทธรูปนาคปรกที่มีพญานาค ๗ เศียรและมีความเชื่อกันว่าพญานาคนั้นเป็นผู้ดูแลรักษาและปกป้องนครวัดให้เจริญรุ่งเรือง ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับความนิยมและมีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ แห่งอาณาจักรขอมมีการระบุว่าทรงสร้างพระชัยพุทธมหานาถส่งไปตามหัวเมืองขึ้น ๒๓ หัวเมือง เพื่อสักการะบูชารวมทั้งเมืองละโวทยปุระหรือละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบันด้วย ปัจจุบันพระชัยพุทธมหานาถองค์ที่มีความสมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากแล้ว ทางวัดขุนอินทประมูลจึงมีแนวคิดที่จะจัดสร้าง “พระชัยพุทธมหานาถ” ขึ้นมาใหม่ทั้งนี้จังหวัดลพบุรีและจังหวัดอ่างทองเป็นพื้นที่ติดต่อกันมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านจึงมีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งวัดขุนอินทประมูลนั้นถือเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะจัดสร้าง “พระชัยพุทธมหานาถ” ขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คณะกรรมการวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ได้มอบหมายให้ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม เป็นประธานดำเนินงาน มี ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล เป็นที่ปรึกษาในโครงการจัดสร้าง“พระชัยพุทธมหานาถ” พระพุทธรูปนาคปรกศิลปะขอมที่มีการประยุกต์เรื่องราวอันสื่อความหมายถึงอาณาจักรอันเป็นที่มาของพระพุทธรูปนาคปรกองค์นี้ และต้องมีความงดงาม ประณีต วิจิตรบรรจง เพื่อมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาในการร่วมสร้างที่พักสถานปฏิบัติธรรมและศาลาอเนกประสงค์ภายในวัดขุนอินทประมูล ไว้สำหรับเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาเพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป
พระชัยพุทธมหานาถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะขอม มีความงดงามตรงตามพุทธลักษณะทุกประการ มีพระพักตร์สี่เหลี่ยม พระเนตรเบิกโพลง พระขนงเป็นรูปปีกกา สวมเครื่องทรงแบบเทวรูป อันได้แก่กระบังหน้า รัดเกล้า และกุณฑล พระวรกายครองจีวรและเครื่องทรง ประทับเหนือเมืองนครวัดอันเป็นต้นกำเนิด พระชัยพุทธมหานาถ จนมาถึงเมืองละโว้ เศียรนาคมี ๗ เศียร เศียรกลางใหญ่ที่สุด เศียรด้านข้างหันเข้าหาเศียรกลาง หางของพญานาคม้วนเข้าหากันพันรอบเมืองประดุจดังคอยระวังป้องกันรักษาทั้งอายุ วัณโณ สุขัง พลังและนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ผู้สักการะบูชา พระชัยพุทธมหานาถ ถือเป็นสุดยอดแห่งความเป็นสิริมงคลเมื่อได้มีไว้บูชาและยังถือเป็นพระประจำตระกูล เพื่อความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลและเป็นมรดกสืบทอดไปยังลูกหลานในภายหน้า
พระพุทธลีลานฤมิตมิ่งมงคล
พระพุทธลีลานฤมิตมิ่งมงคล
พระพุทธลีลานฤมิตมิ่งมงคล ก้าวหน้ามหามงคลสู่ชีวิตนิรมิตความรุ่งเรืองสู่ตระกูล
ย้อนสู่อดีตราว 700 ปีล่วงมาแล้ว หลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงสิ้นพระชนม์ พระยาเลอไทพระราชโอรสได้ทรงเสวยพระราชสมบัติปกครองแผ่นดินสุโขทัยเรื่อยมากระทั่งในปีพุทธศักราช 1843 ท่านจึงได้ทรงเสด็จประพาสทางชลมารคพร้อมกับเหล่าข้าราชบริพาร เพื่อไปยังวัดเขาสมอคอนแห่งเมืองละโว้หลังจากเสร็จภารกิจแล้วจึงได้เสด็จกลับไปยังกรุงสุโขทัยระหว่างทางขบวนเรือพระที่นั่งได้ล่องเข้าสู่ลำน้ำในเขตหมู่บ้านบางพลับ(ตำบลอินทประมูล ในปัจจุบัน) ซึ่งขณะนั้นใกล้เวลาพลบค่ำจึงไม่เหมาะกับการเดินทาง ท่านจึงทรงสั่งให้ประทับแรม ณ บริเวณริมน้ำ ในคืนนั้นเองพระองค์ทรงพระสุบินนิมิตว่า ทรงเห็นดวงแก้วสุกสว่างไสวลอยขึ้นเหนือที่บรรทมของพระองค์ไปยังทิศตะวันออก เมื่อทรงตื่นจากบรรทมจึงทรงให้ปุโรหิตทำนายพระสุบินนิมิต ปุโรหิตได้กราบบังคมทูลว่า พระสุบินนิมิตนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี อันดวงแก้วสุกสว่างที่เห็นในฝันนั้น อาจเป็นพระบรมธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จแสดงปาฏิหาริย์ให้พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบความว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในสมัยแห่งพระองค์ จึงสมควรจะสร้างพระพุทธรูปไว้เป็นอนุสรณ์ว่าครั้งหนึ่งพระองค์ได้เคยเสด็จมาประทับค้างแรมยังสถานที่แห่งนี้ พระองค์จึงทรงมีดำริให้สร้าง พระพุทธไสยาสน์ แบบก่ออิฐถือปูนขึ้นและทรงมีพระมหากรุณาโปรดให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในมหากุศลครั้งนี้ด้วย โดยใช้เวลาในการจัดสร้างทั้งสิ้น 6 เดือนจึงแล้วเสร็จและพระราชทานพระนามว่า “พระพุทธไสยาสน์ลือไทนฤมิต” ต่อมาในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้พระราชทานพระนามใหม่เป็น "พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูล" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงขุนอินทประมูล นายอากรผู้บูรณะพระนอนองค์นี้ด้วยดวงจิตแห่งศรัทธาอันแรงกล้าเป็นที่เลื่องลือในรัชสมัยของพระองค์ ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งอดีตอันเป็นจุดเริ่มต้นของวัดขุนอินทประมูลแห่งนี้ คณะกรรมการวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง จึงได้มอบให้ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม เป็นผู้วางแนวทางในการจัดสร้างพระพุทธรูป ศิลปะสุโขทัย แท้ๆ ที่มีความงดงาม ประณีต วิจิตรบรรจง ขึ้นมาใหม่ โดยก่อนหน้านี้ได้จัดสร้างเป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ในครั้งนี้จึงได้ทำการจัดสร้างเป็นพระพุทธรูปปางลีลาอันถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระสุโขทัยที่จะขาดเสียมิได้ เพื่อมอบให้แด่ผู้มีจิตศรัทธาในการร่วมสร้างที่พักสถานปฏิบัติธรรมและเสนาสนะ วัดขุนอินทประมูลรวมทั้งเพื่อเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาและเพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของของคนไทยสืบไป
พระพุทธลีลานฤมิตมิ่งมงคล จัดสร้างเป็นพระพุทธรูปปางลีลาศิลปะสุโขทัยหมวดใหญ่ ที่มีความงดงามอ่อนช้อยตรงตามพุทธลักษณะทุกประการ มีพระพักตร์รูปไข่ พระศอก้มเอียงมาทางซ้ายเล็กน้อย พระขนงโก่ง พระนาสิกงุ้ม ไม่มีไรพระศก พระองค์อ่อนช้อยงามสง่า มีจีวรบางๆ แนบติดพระวรกาย ครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวามีชายสังฆาฏิพับพาดอยู่เหนือพระอังสาซ้าย ห้อยลงมาด้านหน้าจรดพระนาภี พระรัศมีเป็นรูปเปลวสะบัดต่อขึ้นไปจากพระเกศมาลา อันเชื่อว่าเป็นรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะลังกา นิ้วพระหัตถ์เป็นแบบธรรมชาติ คือปลายนิ้วพระหัตถ์ไม่เสมอกัน พุทธลักษณะก้าวไปข้างหน้า ประดิษฐานบนฐานเชิงบัวชั้นบนเป็นแบบกลีบบัวซ้อนกันสองชั้น ฐานชั้นล่างแบบฐานสิงห์ที่ให้ความงดงามลงตัวเป็นที่สุด
อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต
อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต
อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต มหาเทพผู้สมบูรณ์ด้วยมหาอำนาจเหนือกาลเวลา ผู้ทำลายสิ่งเลวร้ายสู่การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ สุดอลังการ สง่างาม ทรงคุณค่า เหนือคำบรรยาย
“อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต” ถือเป็นตัวแทนแห่งเจ้าผู้ปกครองผู้สมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวงด้วยมหาบารมีเหนือกาลเวลา เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ความดี มีพระเมตตา ต่อทุกสรรพชีวิต มีความเฉลียวฉลาด ใช้สติและปัญญาในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอันเป็นคุณสมบัติอันควรค่าแก่การเป็นต้นแบบแห่งเจ้าผู้ปกครองทั้งหลาย และยังทรงเป็นผู้ทำลายล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มีอยู่สู่การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ องค์อิศวรถือเป็นมหาเทพที่มีผู้เคารพสักการะบูชา อย่างมากมายมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบัน
จากตำนานแห่งความศรัทธาสู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งองค์อิศวรมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เหนือกาลเวลาและสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล เทวลักษณะเป็นศิลปะแบบไทย มีพระพักตร์ยิ้มอย่างอิ่มเอิบด้วยความสุขจากภายในสู่ภายนอก พระเกศาทรงปิ่นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว คล้องพระศอด้วยนาค พระนลาฏมีพระเนตรที่สามใช้ทำลายล้างสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคใหม่ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงประทานพรอันศักดิ์สิทธิ์สู่ความสมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนือกาลเวลา พระหัตถ์ซ้ายทรงดอกบัวบานสัญลักษณ์แห่งการตื่นรู้และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง พระหัตถ์ขวาบนทรงตรีศูลและบัณเฑาะก์สัญลักษณ์แห่งการอยู่เหนือทั้งสามโลกทั้งชายและหญิง พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์สัญลักษณ์แห่งการมีชื่อเสียงในคุณธรรมความดีงามที่ปรากฎไปทั้งสามโลก ประทับบนแผ่นหนังทั้งตัวและหัวเสือโคร่งสัญลักษณ์แห่งอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง สถิตเหนือยอดเขาไกรลาส อันประกอบไปด้วยโคนนทิพาหนะแห่งองค์อิศวรผู้เป็นเจ้าแห่งสัตว์สี่เท้าทั้งมวล ทั้งพญาราชสีห์บันลือสีหนาทสัญญาลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งกินรี สัญลักษณ์แห่งความงดงามมี เสน่ห์สมหวังในความรัก อีกทั้งเชิงเขาไกรลาสยังมีฐานรายล้อมด้วยสายน้ำแห่งป่าหิมพานต์ต้นกำเนิดแห่งความอุดมสมบูรณ์ต่อมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย อันจะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป โดยผลงานดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารงานพุทธศิลป์อย่าง อ.ธนทัศน์ ทองเนียม และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ แห่ง Artmulet ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้วและประติมากรชั้นครู อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินที่กำลังมาแรงอยู่ขณะนี้ โดยท่านสามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย และทั้งหมดนี้เพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน
ท้าวกุเวรธเนศวรธนบดีมหาราชลีลา
ท้าวกุเวรธเนศวรธนบดีมหาราชลีลา
ท้าวกุเวรธเนศวรธนบดีมหาราชลีลา พญายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ งดงามอลังการเหนือคำบรรยาย ผลงานการจัดสร้างโดย Artmulet
ท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรณพญายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ เป็นพี่ต่างมารดาของทศกัณฐ์ เป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ คนจีนเรียกว่า "โต้เหวน" หรือ "โต้บุ๋น" ในศาสนาพุทธ รู้จักกันมากในนามว่า ท้าวเวสสุวรรณ อดีตชาติ ในยุคสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า ท้าวกุเวรเกิดเป็นพราหมณ์ ชื่อ กุเวรพราหมณ์ ร่ำรวยขึ้นมาจากการมีไร่อ้อยจำนวนมาก ได้สร้างศาลาที่พักให้กับผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาถึง 10 แห่ง และแจกน้ำอ้อยแก่ผู้ที่มาพัก เป็นผู้ที่ทำทานอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แต่ด้วยเหตุที่เป็นผู้มากด้วยโทสะจึงได้ไปเกิดเป็นพญายักษ์ มีชื่อว่าท้าวกุเวร มีผิวกายสีเขียว สีทอง และสีดั่งน้ำอ้อย ปกครองพวกยักษ์ อยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ทางด้านทิศเหนือ ท้าวกุเวรมีกระบอง เป็นอาวุธชื่อว่า มหากาล สามารถทำลายล้างโลกธาตุได้ มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ ปราสาททองคำ อาภรณ์มงกุฎประดับ ดำรงอิสริยยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ มีบริวารแสนโกฏิ ในทางพุทธศาสนา ท้าวกุเวร มีนามที่เรียกกันอีกหลายพระนามอาทิ พระชัมภละ พระธเนศวร พระธนบดี ฯลฯ ถือเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ท้าวกุเวรสถิตอยู่ณยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ 1 สระ ชื่อ ธรณี กว้าง 50 โยชน์ ในน้ำ ดารดาษไปด้วยประทุมชาติ และคลาคล่ำไปด้วย หมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ ขอบสระมีมณฑปชื่อ "ภคลวดี" กว้างใหญ่ 12 โยชน์ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ปกคลุมด้วยเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ซึ่งมีดอกออกสะพรั่งห้อยย้อยเป็นพวงพู ณ สถานที่นี้ เป็นสโมสรสถานของเหล่ายักษ์บริวาร และยังมีนครสำหรับเป็นที่แปรเทพยสถานอีก 10 แห่ง ท้าวกุเวรมียักษ์เป็นเสนาบดี 32 ตน ยักษ์รักษาพระนคร 12 ตน ยักษ์เฝ้าประตูนิเวศ 12 ตน ยักษ์ที่เป็นทาส 9 ตน
ท้าวกุเวรธเนศวรธนบดีมหาราชลีลา พญายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ ในชุดเครื่องทรงอาภรณ์มงกุฎประดับ ดำรงอิสริยยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ ประทับบนบัลลังค์ทองประดับด้วยเพชรนิลจินดาแบบมหาราชลีลาอันหมายถึงผู้ที่นั่งอยู่เหนือกองมหาสมบัติทั้งหลาย มือซ้ายมีอาวุธเป็นกระบองมหากาลใช้ทำลายล้างปัญหาและอุปสรรคต่างๆให้สิ้นไป มือขวาถือไหทองคำดุจดังเงินไหลกองทองไหลมาไม่สิ้นสุด มือซ้ายบนถือโครตเพชรเม็ดงามแสดงถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ในทรัพย์สมบัติอันมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด มือขวาบนชี้นำทางสว่างสู่ความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ ดังนั้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสร้างคุณงามความดีและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายเพื่อนำไปสู่ขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ไพศาลสมดังปรารถนา ทางคณะกรรมการผู้จัดสร้างโดย อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารงานพุทธศิลป์ แห่ง Artmulet และดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ได้มอบหมายให้ อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว จิตรกรเอกแห่งยุค เป็นผู้ออกแบบผลงานดังกล่าว และมอบให้ อ.กฤษณะ นาพูลผล ประติมากรเอกชื่อดัง เป็นผู้รังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ และเพื่อให้ผลงานในครั้งนี้มีความงดงามวิจิตรบรรจงใกล้เคียงองค์ต้นแบบมากที่สุดจึงได้มอบหมายให้โรงหล่อเอเชียไฟน์อาร์ต เป็นผู้รับผิดชอบการหล่อผลงานครั้งนี้ โดยหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ออสเตเรีย (สำริด) เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติแด่ผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมกันบริจาคเงินในโครงการจัดสร้างที่พักและสถานปฏิบัติธรรม วัดขุนอินทรประมูล จ.อ่างทอง และมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน
คเนศวรมหาเทวะ ปัญญาบารมี
คเนศวรมหาเทวะ ปัญญาบารมี
คเนศวรมหาเทวะ ปางปัญญาบารมี ขจัดอุปสรรคปัญหานำพาผู้ศรัทธาสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ งดงามอลังการเหนือคำบรรยาย
การเดินทางรอบโลกและจักรวาลเพื่อผลมะม่วง ครั้งหนึ่งพระแม่อุมา มารดาแห่งพระพิฆเนศวรและพระขันธกุมาร ได้นำเอาผลมะม่วงมาถวายแด่องค์พระศิวะมหาเทพผลหนึ่ง ปรากฏว่าลูกทั้งสองคือ พระพิฆเนศวร และ พระขันธกุมาร ต่างก็อยากจะเสวยมะม่วงผลนี้ด้วยกันทั้งคู่ ด้วยเหตุนี้ องค์ศิวะมหาเทพ อยากทดสอบว่าลูกทั้งสองนี้ใครจะมีสติปัญญาเหนือกว่ากัน จึงได้กล่าวขึ้นว่า ใครก็ตามหากแม้นเดินทางรอบโลกได้ถึงเจ็ดรอบและกลับสู่วิมานแห่งนี้ได้ก่อนผู้นั้นจึงจะได้ผลมะม่วงนี้ ฝ่ายพระขันธกุมารเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบทรงนกยูงตระเวนรอบโลกทันที ฝ่ายพระพิฆเนศแทนที่จะเอาอย่าง กลับเดินประทักษิณรอบองค์พระศิวะมหาเทพผู้เป็นบิดาและพระแม่อุมาผู้เป็นมารดาของพระองค์จนครบเจ็ดรอบ แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า...."ข้าแต่พระบิดา พระองค์คือจักรวาล และจักรวาลคือพระองค์ พระองค์ผู้สร้างโลก พระองค์ทั้งสองทรงเป็นบิดาและมารดาแห่งข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทำประทักษิณต่อพระองค์ทั้งสองเจ็ดรอบ ถือว่าได้กุศลเท่ากับเดินทางรอบโลกเจ็ดรอบ" องค์ศิวะมหาเทพมีความยินดีในคำตอบเป็นอย่างยิ่งและกล่าวชื่นชมในสติปัญญาขององค์พระพิฆเนศวรว่า "เจ้าเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมและมีสติปัญญาเป็นที่สุด สิ่งที่เจ้าได้กล่าวมานั้นเป็นจริงทั้งสิ้น ถ้าผู้ใดได้มีปัญญาเป็นคุณสมบัติติดตัว แม้เมื่อโชคร้ายมาถึงเขาความโชคร้ายนั้นย่อมถูกกำจัดสิ้นด้วยปัญญา" แล้วจึงได้มอบผลมะม่วงนั้นให้กับองค์พระพิฆเนศวรในทันที
จากตำนานแห่งความศรัทธาสู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตกรรมและประติมากรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านองค์คเนศวรมหาเทวะในลักษณะก้าวเดินรอบโลกขณะที่พระพักตร์กำลังมีความสุขเมื่อกำลังใช้งวงถือขนมโมทะกะและพระหัตถ์ถือถ้วยขนมโมทะกะที่พระองค์ทรงโปรดปรานเปรียบดังความสุขความอุดมสมบูรณ์แห่งชีวิตพระหัตถ์ขวาถืองาและผลมะม่วงเปรียบดังสติปัญญาอันแหลมคมนำพาสู่ความสำเร็จทั้งปวง พระหัตถ์ซ้ายด้านบนถือเชือกบ่วงสำหรับคล้องใจผู้คนทั้งหลายให้เป็นที่รักที่เชื่อถือและศรัทธา พระหัตถ์ขวาบนถือขวานศักดิ์สิทธิ์สำหรับฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป พระรัศมีด้านบนมีความโชติช่วงสว่างไสวและแหลมคมแทงทะลุปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายได้หมดสิ้นพระรัศมีด้านหลังตรงกลางเป็นตัวอักขระโอมอันศักดิ์สิทธิ์เป็นคำบูชามหาเทพในที่นี้เปรียบดังองค์ศิวะมหาเทพอันเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลล้อมรอบด้วยเส้นประทักษิณถัดลงมาเป็นพระนามแห่งองค์ คเนศวรมหาเทวะ รายล้อมด้วยลวดลายแห่งอากาศธาตุอันสุญญตาคือความว่างอันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาบารมี สำหรับด้านล่างที่เป็นส่วนของฐานนั้นชั้นบนประกอบด้วยดาวโลกที่มีหนู มุสิกะอันเป็นผู้ศรัทธาในองค์คเนศวรมหาเทวะกำลังนั่งกินขนมโมทะกะที่พระองค์ทรงประทานให้ดุจดังผู้คนทั้งหลายที่มีศรัทธาต่อองค์คเนศวรมหาเทวะจะได้รับความสุขสมบูรณ์บนพื้นโลกใบนี้ บริเวณรอบโลกมีเปลวรัศมีแห่งอากาศธาตุทรายล้อมอยู่รอบด้านเปรียบดังสุญญตาคือความว่างอันนำมาสู่ปัญญาบารมี รอบฐานประกอบด้วยดวงดาวนพเคราะห์ทั้งหลายตามหลักโหราศาสตร์ ประกอบ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ราหู เกตุ และ มฤตยู อันหมายถึงการหนุนชะตาเสริมบารมี ขจัดอุปสรรคทั้งหลายให้หมดสิ้นนำพาความสำเร็จมาสู่ผู้ศรัทธาในทุกดวงชะตาราศีเกิด
โดยผลงานดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารงานพุทธศิลป์อย่าง อ.ธนทัศน์ ทองเนียม และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ แห่ง Artmulet ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้วและประติมากรดัง อ.กฤษณะ นาพูนผล สองศิลปินดาวรุ่งที่กำลังมาแรง โดยสามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์เส้นสายลีลาที่พลิ้วไหวการย่างก้าวที่ต่อเนื่องลงตัวเหนือสุดแห่งคำบรรยาย