มหาเทพพรหมลิขิต
การกำเนิดพระพรหมในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า เมื่อพระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทพยดา พระราชา พราหมณ์ปุโรหิต พระโยคี พระฤาษี ชีพราหมณ์ พระภิกษุสามเณรผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเพียรและศรัทธาปรารถนาการหลุดพ้นจากกิเลส จึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรวิปัสสนากรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ จนสำเร็จฌานตามลำดับจนบรรลุแล้ว เมื่อสิ้นอายุขัยจะไปเกิดยังเทวโลกและพรหมโลก ครั้นเมื่อไปเกิดยังพรหมโลกแล้วจะพบแต่ความสุขสงบตราบสิ้นอายุขัยของพระพรหม
ในทางพราหมณ์ฮินดูนั้นเชื่อกันว่า ท้าวมหาพรหม คือผู้สร้าง ผู้รักษา ผู้ทำลาย มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และมีอานุภาพมากมายนานับประการ การสร้างเทวรูปของท้าวมหาพรหมณ์ มักนิยมสร้างสี่หน้าแปดกร ทรงถือของที่ต่างกัน คนไทยที่มีความศรัทธาจะเชื่อว่าท้าวมหาพรหมเป็นผู้กำหนดชีวิตมนุษย์ให้เป็นไปต่างๆ นานา เรียกกันว่า “พรหมลิขิต” สามารถกำหนดหรือบันดาลความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ได้
จากความเชื่อความศรัทธาสู่งานประติมากรรมล้ำค่า “มหาพรหมเทพลิขิต” อันเป็นงานประติมากรรมศิลปะไทยร่วมสมัย มีลักษณะย่างก้าวสู่แผ่นดินใหม่ยุคศิวิไลซ์ พระพักตร์ทั้งสี่ดูเข้มขลัง แต่ทรงไว้ซึ่งความเมตตา ด้านหลังมีประภามณฑล พระกรทั้งแปด ทรงถือของอันมีความหมายทั้งหลายดังนี้
- ทรงจักร หมายถึง การตัดกิเลสตัณหาให้พ้นจากความเสื่อมทั้งหลาย
- ทรงสังข์ หมายถึง ความมีชื่อเสียงที่ดีงามกังวาลไปทั้ง 4 ทิศ
- ทรงคทา หมายถึง ความตั้งมั่นอยู่บนคุณธรรมความดี
- ทรงคันฉ่อง หมายถึง การนำพาความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลายมาสู่ตน
- ทรงสร้อยประคำ หมายถึง การใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา
- ทรงคัมภีร์ หมายถึง การค้นหาองค์ความรู้ใหม่อันเป็นต้นกำเนิดแห่งปัญญา
- ทรงตรีศูล หมายถึง การลิขิตและดลบันดาลให้สมปรารถนา
- พระกรขวาทรงผายออก หมายถึง ทรงประทานพรให้ประสบแต่ความสำเร็จ
ประทับบนฐานทรงกลม 3 ชั้น ฐานชั้นบนประดับลวดลายบัวคว่ำบัวหงายอยู่รายรอบ ฐานชั้นที่สองประกอบด้วยลายดอกรักร้อยอยู่รายรอบฐาน มีกนกสามด้าน ด้านหน้าปรากฎสัญลักษณ์รูปหงส์พาหนะแห่งมหาพรหมเทพลิขิต ฐานชั้นล่างรายรอบด้วยลายประจำยามทั้งสี่ทิศ มหาพรหมเทพลิขิตองค์นี้เป็นงานประติมากรรมที่ดูแล้วงดงามอลังการเป็นอย่างมากดุจองค์มหาพรหมเทพจำแลงแปลงมา
โดยผลงานดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานและ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการแห่ง Artmulet ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้วและประติมากรมากความสามารถอย่าง อ.สุชาติ แซ่จิว โดยศิลปินทั้งสองท่านสามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งประณีต วิจิตร บรรจง งดงามอลังการโดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร ด้วยลีลาเส้นสายที่พลิ้วไหวต่อเนื่องลงตัวเป็นที่สุดเหมาะสำหรับมีไว้เป็นมรดกอันล้ำค่าสืบต่อไปยังลูกหลานและเพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป