พระแม่ลักษมี มหาเทวีนารายณี
พระแม่ลักษมี มหาเทวีนารายณี
มหาเทวีแห่งความร่ำรวย
ความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ และความรัก
พระแม่ลักษมี มหาเทวีแห่งพระนารายณ์ คือหนึ่งในสามของมหาเทวีอันยิ่งใหญ่ในลัทธิพราหมณ์-ฮินดู พระองค์ทรงเป็นพระชายาแห่งพระนารายณ์หนึ่งในสามมหาเทพผู้รักษาคุ้มครองป้องกัน ตามตำนานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเชื่อว่า “พระแม่ลักษมี” ถือกำเนิดขึ้นในคราวกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤต
เชื่อกันว่าพระองค์เป็นมหาเทวีแห่งความร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ และความรัก พระองค์จะประทานทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวย และความสำเร็จในการทำมาค้าขาย การเจรจาต่อรอง และการประกอบธุรกิจให้แก่ผู้บูชาและประกอบความดีอยู่เป็นนิจ “พระแม่ลักษมี” ทรงเป็นพระชายาคู่บารมีของพระนารายณ์ไม่ว่าพระองค์จะอวตารเป็นปางอะไรพระแม่ลักษมีก็จะอวตารไปเป็นชายาของพระองค์เสมอ เช่น อวตารไปเป็นนางสีดาคู่กับพระราม เป็นต้น ด้วยความรักอันมั่นคงของทั้ง 2 พระองค์ จึงทำให้ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องของความรัก ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว ชาวอินเดียมักกล่าวกันว่า “พระแม่ลักษมี” ทรงเป็นมหาเทวีแห่งความงามเลิศกว่าเทพนารีใด ทำให้มีทั้งเทพและอสูรมากมายที่หมายปองพระองค์ เป็นเหตุให้พระพรหมต้องเสด็จมารับและให้นางเลือกคู่ครองเอง และพระองค์ก็ทรงเลือกพระนารายณ์เป็นพระสวามี และนี่เองคือเป็นที่มาของพิธีวิวาห์ที่ฝ่ายหญิงต้องไปสู่ขอฝ่ายชายมาเป็นสามี เรียกกันว่า “พิธีสยุมพร” ยังมีตำนานกล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งเกิดมหาภัยแล้งครั้งใหญ่ขึ้นบนโลก แสงอาทิตย์ร้อนระอุจนผู้คนไม่สามารถออกจากบ้านได้ พอถึงยามค่ำคืนบรรดาเกษตรกรจึงพากันออกมาบูชา “พระนารายณ์” ขณะนั้นพระนารายณ์ยังทรงบรรทมอยู่ “พระแม่ลักษมี” ทรงได้ยินเสียงสวดอ้อนวอนของผู้คนที่เดือดร้อน จึงอวตารเป็น “พระธัญญลักษมี” หรือ “พระแม่โพสพ” เพื่อช่วยเหลือชาวโลก โดยทรงนำน้ำจากมหาสังข์มาโปรยปรายเป็นฝนห่าใหญ่และเนรมิตข้าวในนาพืชผลให้เจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์สืบไป อีกทั้งพระองค์ยังเป็นพระมารดาของ “กามเทพ” จึงเป็นที่มาของเทพีแห่งความรักอีกด้วย
จากเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาของผู้เป็นพระชายาแห่งองค์พระนารายณ์มหาเทพผู้เป็นใหญ่สูงสุดในลัทธิไวษณพนิกาย ผู้ปกป้องคุ้มครองรักษามาแต่ครั้งยุคบรรพกาล สู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมอันทรงคุณค่าสุดอลังการที่มีความงดงาม ประณีต วิจิตร บรรจง พระนาม “พระแม่ลักษมี มหาเทวีนารายณี” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของมหาเทวีแห่งความร่ำรวย ผู้บรรดาทรัพย์สินเงินทอง ความเจริญงอกงาม ความอุดมสมบูรณ์ และความสมหวังในความรัก ในรูปแบบศิลปะไทยร่วมสมัย มีพระพักตร์ที่งดงามอวบอิ่ม เปี่ยมล้นบุญญาบารมี มีพระสิริโฉมอันงดงามอย่างยิ่งสมกับเป็นมหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่ สวมมงกุฎชฎามหาเทวีมีเส้นพระเกศายาวจรดบ่างดงามมาก ด้านหลังมีรัศมีแห่งพระบารมีที่เปล่งประกายโดยรอบ พระหัตถ์ซ้ายบนทรงรวงข้าวประดุจดังความเจริญงอกงามผลิดอกออกผลอุดมสมบูรณ์ไปทั่วทุกสารทิศ พระหัตถ์ขวาบนทรงดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์บ่งบอกถึงคุณงามความดีความรักความเมตตาที่มีอยู่ในพระองค์อย่างเปี่ยมล้นและดอกบัวประจำพระองค์ยังเป็นตัวแทนของความรักอีกด้วย พระหัตถ์ซ้ายด้านหน้าทรงโถหรือหม้อที่บรรจุเหรียญทองคำไว้จนล้นหม้อหมายถึงพระองค์จะนำพาโชคลาภความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองมาสู่ผู้ที่มีศรัทธาต่อพระองค์ พระหัตถ์ขวาหน้าทรงมหาสังข์หมายถึงความเป็นมหามงคลในทุกด้านเนื่องจากครั้งหนึ่งพระนารายณ์ทรงให้พรกำกับมหาสังข์ไว้ “ต่อไปนี้สิ่งใดที่ไหลออกมาจากมหาสังข์นี้ขอให้มีแต่ความเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น” สำหรับในด้านความรักนั้นเปรียบได้ดังพระองค์ทรงรดน้ำสังข์ให้กับคู่รักคือการสมหวังในความรักนั้นเอง ทรงคล้องพระศอด้วยดอกดาวเรืองหมายถึงความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองในชีวิต ทรงภูษาอาภรณ์ลายดอกพร้อมเครื่องทรงอิสริยยศแห่งพระชายาขององค์พระนารายณ์มหาเทพผู้เป็นใหญ่สูงสุด ทรงประทับยืนบนดอกบัวประดุจดังยืนอยู่บนคุณงามความดีที่มีอยู่ในพระองค์อย่างเปี่ยมล้น ด้วยท่วงท่าที่งดงามอ่อนช้อยเปี่ยมด้วยพระเมตตา บริเวณเหนือขอบฐานรายล้อมด้วยกลุ่มเมฆที่รองรับดอกบัวเป็นการแสดงสถานะมหาเทวีที่เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ ทั้งหมดนี้พระองค์จะทรงประทานให้แก่ผู้ที่มีศรัทธาต่อพระองค์อย่างแท้จริง ดังนั้นผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา “พระแม่ลักษมี มหาเทวีนารายณี” จึงเป็นผลงานที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมด้วยเรื่องราวอันเป็นมหามงคลยิ่ง ทั้งด้านโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์สิน เงินทอง ความสมหวังในรัก ความเจริญงอกงาม ความอุดมสมบูรณ์ ในทุกด้านของชีวิต เหมาะแก่การมีไว้เป็นเครื่องเจริญสติในการสร้างคุณงามความดีและเพื่อเป็นสมบัติอันล้ำค่าสืบต่อไป
โดยผลงานดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวอันมีความต่อเนื่องจากผลงาน “มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์” และ “พระแม่สรัสวดีมหาเทวีมยุร” ที่ทาง ARTMULET ได้เคยจัดสร้างไว้แล้ว จากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินที่สามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการ น่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูงดงามอ่อนช้อยดูพลิ้วไหว ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย และทั้งหมดนี้เพื่อมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของของคนไทยสืบไป