เหรียญปราบอสุรินทราหู คู่ชีวิต
เหรียญปราบอสุรินทราหู คู่ชีวิต
เหรียญมหามงคลครอบจักรวาล
ต้องมีไว้ติดตัวเพื่อเรียกสติ เสริมมงคลให้ชีวิต
อสุรินทราหู คือ อสูรที่พ่ายแพ้ต่อบุญบารมีและพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามตำนานเล่าขานกันมาว่า อสุรินทราหูผู้เป็นอุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพได้สดับพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดาทั้งหลายว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษไม่มีใครเหนือ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีพระทัยเบิกบานยิ่งเป็นผู้จำแนกธรรมอันประเสริฐ ครั้นได้ฟังแล้วจึงอยากเข้าเฝ้าฟังธรรมจากพระพุทธองค์บ้าง แต่คิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ มีพระวรกายเล็กต่างจากตนตนที่เป็นอสูรมีร่างกายใหญ่ จึงคิดไปว่าหากไปเข้าเฝ้าต้องก้มมองพระพุทธเจ้าที่พระวรกายเล็กกว่าตน เป็นความลำบากทั้งเราก็ไม่เคยก้มเศียรให้ใครและไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อม จึงไม่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ด้วยเห็นพรหมและเหล่าเทพเทวดาทั้งหลายไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากันคราวละมาก ๆ ความคิดใคร่จะไปเฝ้าก็เกิดขึ้นอีก ในราตรีหนึ่ง อสุรินทราหูจึงไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ
ครั้งนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหารในพระนครสาวัตถี ทรงทราบด้วยณานทัศนะว่าอสุรินทราหูจะมาเข้าเฝ้า และทรงทราบถึงความคิดของอสุรินทราหูที่คิดดูหมิ่นพระองค์ที่มีพระวรกายเล็ก ครั้นใกล้เวลาที่อสุรินทราหูมาเข้าเฝ้า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงเสด็จบรรทมในพระแท่นที่ประทับ ทรงทำปาฏิหาริย์นิรมิตพระกายให้ใหญ่โตกว่าอสุรินทราหูหลายเท่า พระรูปนี้จะปรากฏเฉพาะแต่อสุรินทราหูให้เห็นแต่ผู้เดียวเท่านั้น ครั้นอสุรินทราหูมาเข้าเฝ้า เห็นเข้าก็อัศจรรย์ใจมาก แม้แต่เพียงพระบาททั้ง ๒ ข้างที่ซ้อนกันอยู่ ก็ยังสูงและใหญ่กว่าอสุรินทราหูเสียอีก เมื่ออสุรินทราหูเข้าใกล้ได้ถวายอภิวาท แทนที่จะต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้าดังที่คิดแต่แรกมากลับต้องแหงนหน้าชมพระพุทธลักษณะอันงดงาม ตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงพระพักตร์ ปรากฏว่าเป็นที่พอใจได้ความปลาบปลื้มที่ได้ชมพระรูปพระโฉมของพระพุทธเจ้าทั้งใหญ่ทั้งงามสมส่วนทุกประการ ก็กราบทูลสรรเสริญ
ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภากเจ้าทรงตรัสต่ออสุรินทราหูว่า บุคคลทั้งหลายเมื่อได้ทราบข่าวเล่าลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ หากยังไม่ได้เห็น, ยังไม่พิจารณาให้ถ่องแท้แก่ใจตนแล้ว ไม่พึงติชมก่อน ท่านคงเข้าใจว่า ท่านมีร่างกายใหญ่กว่าเทพยดาและอสูรทั้งหลาย จริงอยู่บรรดาพวกอสูรทั้งหลายในอสูรพิภพนั้นมีร่างกายเล็กกว่าท่าน แต่ท่านคิดหรือเปล่าว่าในที่อื่นอาจมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่กว่าท่าน เหมือนปลาใหญ่ในหนองคลองบึง มันอาจคิดว่าตัวมันโตกว่าปลาทั้งหลาย ไม่มีปลาตัวใดจะเสมอได้ เพราะมันยังไม่ได้ไปเห็นปลาในมหาสมุทร บรรดาพรหมทั้งหลายในพรหมโลกชั้นบนทั้งหมดล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าท่าน ถ้าท่านมีความปรารถนาจะได้ชมพรหมเหล่านั้น ตถาคตรับรองว่าจะพาท่านไปดู ไปชมได้แม้ในขณะนี้ ครั้นอสุรินทราหูทูลขอประทานพระกรุณาให้พาไปชมพรหมทั้งหลายในพรหมโลก พระผู้มีพระภาคได้ทรงทำปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูไปยังพรหมโลกในทันใดนั้น บรรดามหาพรหมทั้งหลายที่พากันมาเฝ้านั้น ล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าอสุรินทราหูตั้งร้อยเท่าพันเท่า แต่พระผู้มีพระภาคกลับมีพระกายปรากฏว่าใหญ่กว่ามหาพรหมเหล่านั้นทั้งหมด ส่วนอสุรินทราหูคงมีร่างกายเท่าเดิม มีความหวาดกลัวตัวสั่นเทา หลบอยู่หลังพระพุทธเจ้า นับแต่นั้นมาก็ลดทิฐิมานะ อ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์ และเมื่อได้สดับฟังพระธรรมเทศนา ก็เกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
จากตำนานดังกล่าวเป็นที่มาของพระพุทธรูปปราง “ปราบอสุรินทราหู” หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า โปรดอสุรินทราหู พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา พระบาทซ้ายทับพระบาทขวาเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบทอดไปตามพระกาย พระกัจฉะทับบนพระเขนย อุ้งพระหัตถ์ขวาขึ้นประคองพระเศียรให้ตั้งขึ้น พระพุทธรูปปรางนี้จึงเป็นปางเดียวกับองค์ พระพุทธไสยาสน์วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ที่มีประวัติการสร้างมายาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสุโขทัย มีอายุกว่า 600ปี มาแล้ว นั่นเอง