หนุมานครองเมือง
หนุมานทหารเอกของพระรามผู้มีความเฉลียวฉลาด มีความเก่งกล้าสามารถรอบด้านจากมหากาพย์อันยิ่งใหญ่อย่างรามเกียรติ์ ผู้ถือกำเนิดจากเทวโองการของพระอิศวรที่ให้พระพายนำเทพศาสตราวุธทั้งสามและกำลังกายจากพระองค์ไปซัดเข้าในปากของนางสวาหะ ที่โดยสาปจากมารดาให้ยืนขาเดียวกินลมอยู่บนเชิงเข้าจักรวาล จนทำให้นางตั้งครรภ์และพ้นจากคำสาป เมื่อนางได้ให้กำเนิดโอรสเป็นลิงเผือกที่มีกระบองเพชรของพระอิศวรเป็นสันหลังตลอดหาง มีตรีเพชรเป็นตัวเป็นมือและเท้า มีจักรแก้วเป็นหัว เมื่อจะต่อสู้กับศัตรูก็สามารถชักเอาตรีเพชรที่อกออกมาได้ มีกุณฑลขนเพชร เขี้ยวแก้ว เมื่อสำแดงฤทธิ์จะหาวเป็นดาวเป็นเดือน และมีแปดมือ สี่หน้า ได้นามตามที่พระอิศวรประทานไว้ว่า "หนุมาน" และยังประทานพรแก่ หนุมาน หากต้องตายด้วยเหตุใดเมื่อพระพายพัดมาต้องกายให้กลับฟื้นและยังได้รับพลังครึ่งหนึ่งจากพระพายผู้รับเป็นพ่อของหนุมานอีกด้วย การถือกำเนิดของหนุมานนั้นก็เพื่อมาช่วยเหลือพระรามซึ่งคืออวตารพระนารายณ์ที่ลงมาเพื่อฆ่าพญายักษ์ทศกัณฐ์ ซึ่งในอดีตชาติของทศกัณฐ์ก็คือยักษ์นนทกผู้ที่เคยทำหน้าที่ล้างเท้าให้เทวดาที่จะไปเข้าเฝ้าพระอิศวรและได้เคยถูกพระนารายณ์ฆ่าตายมาแล้วนั่นเอง ด้วยความเฉลียวฉลาดและความเก่งกล้าสามารถในทุกๆ ด้านของหนุมานและเหล่าบรรดา สิบแปดมงกุฎเสนาวานร ทำให้พระรามสามารถเอาชนะทศกัณฐ์พญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีสิบหน้ายี่สิบมือ มากด้วยฤทธิ์เดชอำนาจ แต่ทศกัณฐ์ก็ต้องมาตายในสนามรบด้วยศรของพระรามพร้อมกับถูกบดขยี้กล่องดวงใจด้วยอุบายของหนุมานในครั้งศึกชิงนางสีดา จนในเวลาต่อมานั้นพระรามได้ยกกรุงอโยธยาครึ่งหนึ่งให้กับหนุมานปกครองร่วมกับพระองค์แต่ในเวลาต่อมาหนุมานก็ขอคืนเมืองอโยธยาให้กับพระราม และหนุมานก็ได้ไปครองเมืองนพบุรีหรือลพบุรีในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าด้วยความเฉลียวฉลาดและความเก่งกล้าสามารถที่มีอยู่ในตัวของหนุมานนั้น ทำให้หนุมานสามารถพลิกชีวิตพลิกชะตาของตัวเองขึ้นสู่อำนาจวาสนาบารมีสู่จุดสูงสุดของชีวิตได้ในที่สุด
ในส่วนของ “สิบแปดมงกุฎ” หรือ "เสนาวานร ๑๘ ตน” นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มทหารเอกของพระราม ที่มีเครื่องสวมหัวเรียกว่ามงกุฎ วานรเหล่านี้มาจากเมืองขีดขินของสุครีพ และเมืองชมพูของท้าวมหาชมพู แต่ละตนล้วนแล้วแต่เป็นเทวดาอาสาแบ่งภาคมาช่วยพระรามหรือพระนารายณ์อวตารที่ลงมาปราบยักษ์คือทศกัณฐ์ทั้งสิ้น ดังบทละครรามเกียรติ์ที่กล่าวถึงตอนนี้ว่า “เมื่อนั้น ฝูงเทพเทวาน้อยใหญ่ ต่างทูลอาสาพระภูวไนย จะขอไปเป็นพลพระอวตาร มาล้างเหล่าอสูรพาลา ที่หยาบช้าเบียนโลกทุกสถาน” เทวดาเหล่านี้มีทั้งที่เป็นโอรสของ
มเหสักขเทวราช คือเทวดาผู้เป็นใหญ่ เทวดานพเคราะห์ คือเทวดาที่โคจรในราศี ท้าวจตุโลกบาลคือเทวดาผู้ดูแลทิศต่างๆ และเทวดาประจำธรรมชาติ ดังนั้น สิบแปดมงกุฎจึงเป็นเทวดาที่แบ่งภาคมา โดยแต่ละตนมีชื่อเรียกและภูมิหลังที่แตกต่างกันไป ดังนี้
๑.เกยูร คือ ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ในยักษ์ทั้งหลายและเป็นหนึ่งในจตุโลกบาลประจำทิศใต้ ได้แบ่งภาคมาเป็นเกยูร วานรเมืองขีดขิน
๒.มายูร คือ ท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นใหญ่ในหมู่พญานาค เป็นหนึ่งในจตุโลกบาลประจำทิศตะวันตก แบ่งภาคมาเป็นมายูร วานรเมืองขีดขิน
๓.โกมุทหรือโคมุท คือ พระหิมพานต์ ผู้ดูแลรักษาป่าหิมพานต์ มีฤทธิ์เดชเก่งกล้ามาก รบชนะพวกยักษ์เสมอ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๔.ไชยามพวาน คือ พระอีศาณหรือพระวิศาลเทวบุตร แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๕.ไวยบุตร คือ พระพิรุณ เทพแห่งฝน แบ่งภาคเป็นวานรเมืองขีดขิน
๖.สุรกานต์ คือ พระมหาชัย แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๗.นิลเอก คือ พระพินาย แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๘.นิลขัน คือ พระพิเนกหรือพระพิฆเนศ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๙.กุมิตัน คือ พระเกตุ หนึ่งในเทวดานพเคราะห์ มาแบ่งภาคมา บ้างก็ว่าอยู่เมืองชมพู
๑๐.นิลราช คือ พระสมุทร แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๑๑.สัตพลี คือ พระจันทร์ หนึ่งในเทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๑๒.วิสันตราวี คือ พระอังคาร เทพแห่งสงคราม หนึ่งในเทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๑๓.สุรเสน คือ พระพุธ เทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๑๔.นิลปานัน คือ พระราหู เทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๑๕.มาลุนทเกสร คือ พระพฤหัสบดี เทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๑๖.นิลปาสัน คือ พระศุกร์ เทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู
๑๗.นิลพานร หรือ วิมล คือ พระเสาร์ เทวดานพเคราะห์ที่ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
๑๘.เกสรทมาลา คือ พระไพศรพณ์ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน
เหล่าวานรสิบแปดมงกุฎนั้นได้รับพรจากพระอิศวรว่า แม้ต้องอาวุธตายแล้ว หากพระพายพัดมาก็จะกลับฟื้นเช่นเดียวกับหนุมาน เมื่อครั้งสหัสเดชะ เจ้าเมืองปางตาลยกทัพมาช่วยทศกัณฐ์รบ ในขณะที่ไพร่พลลิงอื่นๆ ล้วนหนีหายไปสิ้น เพราะสหัสเดชะได้รับพรจากพระพรหมว่า ศัตรูใดแค่เห็นหน้า ก็จะเกิดความกลัว หนีหายไปหมด แต่วานรสิบแปดมงกุฎกลับไม่ได้หนีเลย ดังคำกลอนที่ว่า เหลือแต่สุครีพหนุมาน องคตชมพูพานทหารใหญ่ ทั้งสิบแปดมงกฎวุฒิไกร พิเภกผู้ไวปัญญา
จากตำนานเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาของหนุมานผู้เป็นใหญ่ด้วยด้วยความเฉลียวฉลาดเก่งกล้าสามารถรวมทั้งสิบแปดมงกุฎเสนาวานร สู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังการ “หนุมานครองเมือง” ด้วยการรังสรรค์ผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหนุมานทหารเอกของพระรามและสิบแปดมงกุฎเสนาวานร ผู้ที่ใช้ความเฉลียวฉลาด ความเก่งกล้าสามารถทำภารกิจทั้งหลายให้ลุล่วง ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายมาแล้ว และต่างก็ได้เมืองมาครองในที่สุด ด้วยรูปแบบศิลปะไทยแบบคลาสสิก
โดยหนุมานนั้นอยู่ในลักษณะขยายร่างใหญ่โตอยู่เหนือยอดเขา ขณะนั่งยกเข่าซ้ายก้มมองมายังเบื้องล่างเพื่อตรวจตราสังเกตการณ์รอบเมือง ทรงเครื่องเต็มยศ ทั้งสร้อยสังวาลย์ กำไลข้อมือ กำไลแขน มือซ้ายถือมงกุฎอันเป็นสัญญะของการครองเมือง มือขวากำคฑาพร้อมบัญชาการ ด้วยท่วงท่าที่องอาจแฝงไปด้วยพลังแห่งฤทธิ์เดชและอำนาจ บริเวณด้านหน้าภูเขา มีสัญญาลักษณ์เมือง เหนือเมืองมีตรีเพชรอาวุธคู่กายของหนุมานที่แผ่รัศมีเป็นเกราะแก้วคุมเมืองอยู่ สื่อความหมายถึงอำนาจของการปกครองที่ได้มาจากความรู้ ความเฉลียวฉลาด ความเก่งกล้าสามารถรอบด้านของผู้ปกครอง บริเวณรอบเขารายล้อมไปด้วยเหล่าเสนาวานรสิบแปดตนเปรียบได้ดัง การได้ผู้ที่มีความรู้ ความเฉลียวฉลาด เก่งกล้าสามารถรอบด้านมาคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนอยู่รอบตัว ดังนั้นการบูชา “หนุมานครองเมือง” พร้อมเหล่าสิบแปดมงกุฎเสนาวานร จะนำมาสู่การพลิกชีวิต พลิกชะตา ขึ้นสู่อำนาจวาสนา บารมีสูงสุด ดังเช่นในอดีตจนถึงปัจจุบันพระเกจิอาจารย์หลายท่านหลายสำนักได้มีการสร้างหนุมานให้บรรดาลูกศิษย์ได้นำไปบูชา ที่โด่งดังและมีประสบการณ์มากที่สุด ได้แก่ หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จ.นนทบุรี เป็นต้น
ดังนั้นผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา “หนุมานครองเมือง” ครั้งนี้ จึงเป็นผลงานอันเกิดขึ้นจากการประยุกต์เรื่องราวแห่งศรัทธาอันจะนำมาเป็นเครื่องเจริญสติในการสร้างคุณงามความดีทั้งหลายแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป โดยผลงานดังกล่าวนี้เกิดจากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินผู้รังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ทั้งหมดนี้เพื่อมอบไว้แด่ผู้ที่มีจิตศรัทธาและมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป