รูปหล่อนารายณ์แปลงรูป
นารายณ์แปลงรูป
กลับร้าย กลายเป็นดี ขึ้นสู่อำนาจ วาสนา บารมี
พระนารายณ์นั้นถือเป็นองค์เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไวษณพนิกายถือเป็นผู้ที่มีฤทธิ์เดชมีอำนาจมีความเก่งกล้าสามารถเป็นอย่างมากและเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพองค์ใดในจักรวาล สามารถอวตารหรือแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามวาระที่ต้องการ เพื่อดับความทุกข์ทั้งปวง ประทานความสุขสมปรารถนา ทั้งโชคลาภ อำนาจ วาสนา บารมี และทรัพย์สินเงินทอง หากผู้ร้องขอพรจากองค์พระนารายณ์เป็นผู้ประพฤติดีอยู่ในศีลธรรม ส่วนเรื่องของวิชานารายณ์แปลงรูปนั้นก็เป็นวิชาที่สำคัญจากประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ที่เขียนขึ้นโดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาทิพย์โกษา (สอน โลหะนันท์) และท่านพระครูปลัดมหาเถรานุวัตร (มหาแพ) ได้จัดพิมพ์เป็นธรรมทานในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี มีอยู่ตอนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงวิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ทรงใช้ขณะที่ท่านได้หลีกเลี่ยงจากการเข้ารับการแต่งตั้งสมณะศักดิ์เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งวิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้นำมาใช้นั้น สามารถเปลี่ยนใบหน้าของท่านทำให้คนที่รู้จักกลับจำท่านไม่ได้และกลับเรื่องร้ายแรงของชีวิตให้กลายเป็นเรื่องดีงามเหมือนอย่างเช่น กลับตาลปัตร โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เสด็จสวรรคตลง ซึ่งขณะนั้นพระมหาโตมีอายุได้ ๖๔ ปี พวกข้าราชการได้ทูลอัญเชิญทูลกระหม่อมพระราชาคณะวัดบวรนิเวศน์วรวิหาร (รัชกาลที่ ๔) ให้เสด็จนิวัติออกเถลิงราชย์ฯ พระมหาโตเลยออกธุดงค์หนีหายจากวัดไปนานหลายเดือน และการหายไปของพระมหาโตครั้งนั้น ทำให้รัชกาลที่ ๔ ทรงกริ้วมาก ถึงกลับมีรับสั่งว่า “ท่านเหาะก็ไม่ได้ ดำดินก็ไม่ได้ แหกกำแพงจักรวาลหนีก็ยังไปไม่ได้” พระองค์จึงทรงรับสั่งให้พระญาณโพธิฯ ออกติดตาม แต่ก็ไม่พบ จึงทรงมีรับสั่งว่า “ฉันจะตามหาเอง” ครั้นถึงเดือนเจ็ดปีนั้น มีกระแสรับสั่งถึงเจ้าเมืองทั่วราชอาณาจักร ให้จับพระมหาโตส่งมายังเมืองหลวงให้ได้ แต่ถึงแม้จะมีท้องตรารับสั่งเร่งรัดอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถพบพระมหาโตได้ เนื่องจาก “พระมหาโตลองใช้วิชาเปลี่ยนหน้า ทำให้คนรู้จัก กลับจำไม่ได้ เห็นเป็นพระองค์อื่น ปล่อยท่านไปก็มี”
จากตำนานเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาขององค์พระนารายณ์ผู้เป็นใหญ่ด้วยฤทธิ์เดชและอำนาจเหนือกว่าผู้ใดในสามโลกสู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังการ ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ “นารายณ์แปลงรูป” ด้วยการรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรม ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งองค์นารายณ์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาลด้วยรูปแบบศิลปะไทยลักษณะทรงเครื่องเต็มยศมีพระพักตร์ที่สงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยพลังแห่งฤทธิ์เดชและอำนาจแต่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์สัญลักษณ์ของการมีชื่อเสียงคุณธรรมความดีปรากฏไปทั้งสามโลก พระหัตถ์ขวาบนทรงจักรสัญลักษณ์แห่งการเคลื่อนไปข้างหน้าขจัดปัญหาอุปสรรคทั้งปวง พระหัตถ์ขวาล่างทรงตรีสัญลักษณ์แห่งการปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งสามโลก พระหัตถ์ขวาล่างทรงศรนารายณ์สัญลักษณ์แห่งการพุ่งตรงไปยังเป้าหมายสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ขาขวาประทับยืนย่อบนฐานทรงกลมบัวหงายยกขาขวาพร้อมก้าวสู่เป้าหมายข้างหน้า ฐานชั้นล่างเป็นลายน้ำสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ “นารายณ์แปลงรูป” ดังนั้น ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธาครั้งนี้ จึงเป็นผลงานอันเกิดขึ้นจากการประยุกต์เรื่องราวแห่งศรัทธาอันจะนำมาเป็นเครื่องเจริญสติแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป โดยผลงานดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวอันมีความต่อเนื่องจากผลงาน “นารายณ์แปลงรูป” มหาเทพองค์สูงสุดตามลัทธิไวษณพนิกายที่ทาง ARTMULET นั้นได้เคยจัดสร้างไว้แล้ว จากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนิน งานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินผู้รังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ทั้งหมดนี้เพื่อมอบไว้แด่ผู้ที่มีจิตศรัทธาและมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป