มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์
มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์ ผู้ประทานอำนาจแห่งเมตตาบารมี สยบอำนาจทั้งหลายในจักรวาล
พระอิศวรหรือพระศิวะนั้นทรงมีพระแม่อุมามหาเทวีเป็นอัครมเหสีคู่บารมีที่มีความงดงามยิ่งนักและมีบุตรด้วยกันสองพระองค์คือขันทกุมารผู้เป็นพี่และพิฆเนศผู้เป็นน้องซึ่งทั้งสองพี่น้องนั้นถือเป็นผู้ที่มีฤทธิ์เดชเป็นอย่างมากโดยเฉพาะองค์พิฆเนศนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งความสำเร็จ ส่วนขันทกุมารนั้นถือเป็นเทพแห่งชัยชนะในการสู้รบ พระแม่อุมามหาเทวีนั้นเป็นพระมารดาผู้เป็นใหญ่และได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งความรักของชาวฮินดู ว่ากันว่าหากใครหมั่นบูชาพระองค์อย่างสม่ำเสมอ พระแม่อุมามหาเทวีก็จะทรงประทานยศถาบรรดาศักดิ์และความเป็นใหญ่ให้แก่ผู้นั้น ท่านจึงได้รับความเคารพและความศรัทธาจากผู้คนทั้งหลายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการขึ้นสู่อำนาจ วาสนา บารมี มีความรักและครอบครัวที่สมบูรณ์ พระองค์จะทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรู ทำลายสิ่งชั่วร้าย ตลอดจนประทานบริวารและอำนาจในการปกครอง รวมไปถึงความสุขสมบูรณ์ในการครองเรือน ประทานบุตรที่เป็นคนดีเฉลียวฉลาดและเพียบพร้อมด้วยวาสนาบารมี ทรงคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ให้คลอดง่าย ตลอดจนแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงพากันสักการะบูชาและขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักและการขอบุตร สรุปความได้ว่าเมื่อผู้ใดเป็นผู้กระทำความดีและมีจิตศรัทธาอย่างมุ่งมั่นต่อองค์พระอิศวรและพระแม่อุมามหาเทวีแล้วไม่ว่าจะขอพรในเรื่องใดก็จะสำเร็จได้สมดังใจปรารถนาตามกำลังบุญและศรัทธาที่ได้สั่งสมไว้อย่างแน่นอน จากเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาของอัครมเหสีแห่งมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสามโลก ผู้อยู่เหนือกาลเวลาผู้สถิต ณ เขาไกรลาสแกนกลางของจักรวาลสู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังกาล พระนาม “มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์”
มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์ ถือเป็นตัวแทนแห่งผู้ที่อยู่เหนือเจ้าผู้ปกครองทั้งหลายสมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวงด้วยมหาบารมีแห่งความรักความอบอุ่นและพระเมตตาที่แผ่ไปทั่วทั้งจักรวาลเหนือกาลเวลา เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ความดี มีพระเมตตาต่อทุกสรรพชีวิต เป็นต้นแบบแห่งผู้ที่อยู่เหนือเจ้าผู้ปกครองทั้งหลาย และยังทรงเป็นผู้ทำลายล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มีอยู่สู่ความสุขสมบูรณ์ต่อผู้ที่มีจิตศรัทธาอย่างแท้จริง
จากตำนานแห่งความศรัทธาสู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งพระอัครมเหสีขององค์อิศวรมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เหนือกาลเวลาและสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล ในรูปแบบศิลปะไทย ที่มีพระพักตร์ยิ้มแย้มดูอิ่มเอิบและอบอุ่นด้วยความสุขจากภายในสู่ภายนอก มีพระพักตร์ที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาด้วยพระสิริโฉมอันงดงามอย่างยิ่ง พระหัตถ์ซ้ายทรงประคององค์พิฆเนศน้อยที่ดูน่ารักสมบูรณ์และเฉลียวฉลาดเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทั้งปวง พระหัตถ์ขวาทรงประทานพรแก่ผู้ศรัทธา ทรงภูษาอาภรณ์ลายดอกพร้อมเครื่องทรงอิสริยยศแห่งอัครมเหสีขององค์มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสามโลก ทรงอิริยาบถที่งดงามอ่อนช้อยประทับเหนือหลังพญาราชสีห์ที่มีมัดกล้ามอันทรงพลังอำนาจดูดุดันน่าเกรงขามอันเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ยังคงทรงอิริยาบถที่งดงามอ่อนช้อย ส่วนองค์พิฆเนศน้อยนั้นพระหัตถ์ขวาบนทรงดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองด้วยคุณงามความดีทั้งปวง พระหัตถ์ซ้ายบนทรงขวานสัญลักษณ์แห่งการฟันฝ่าทำลายอุปสรรคทั้งหลายให้หมดสิ้นไป พระหัตถ์ซ้ายล่างทรงขนมโมทกะสัญลักษณ์แห่งความสุขและความอุดมสมบูรณ์ พระหัตถ์ขวาล่างทรงประทานพรแห่งความสำเร็จทั้งหลายให้แก่ผู้ศรัทธาในพระองค์อย่างแท้จริง ส่วนพญาราชสีห์ที่มีมัดกล้ามอันทรงพลังนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจบารมีอันยิ่งใหญ่ เป็นที่เกรงขามต่อศัตรูหมู่มารทั้งหลาย ดังนั้นผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา “มหาเทวีศรีอุมาคเณศวรราชสีห์” จึงเป็นผลงานอันเกิดขึ้นจากศรัทธาอันจะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป โดยผลงานดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวอันมีความต่อเนื่องจากผลงาน อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต มหาเทพองค์สูงสุดตามลัทธิไศวนิกายที่ทาง ARTMULET นั้นได้เคยจัดสร้างไว้แล้ว จากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.กฤษณะ นาพูนผล สองศิลปินที่สามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย และทั้งหมดนี้เพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของของคนไทยสืบไป