โลกามหาธิบดีพรหม

วันที่ 4 ธันวาคม 2566
โลกามหาธิบดีพรหม
มหาพรหมผู้ลิขิตความเป็นไปของมวลมนุษยชาติ

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีพิธีบวงสรวงเทวาภิเษกพุทธาภิเษกเบิกเนตรองค์ “โลกามหาธิบดีพรหม” ณ ลานโลกามหาธิบดีพรหม ซ.ปิยะรังสรรค์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานจุดเทียนชัย เบิกเนตร และนั่งปรกอธิษฐานจิตร่วมกับพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป ทาง Artmulet และคณะเจ้าภาพ รวมทั้งบรรดาแฟนเพจ Artmulet ผู้ที่สนับสนุนและติดตามผลงานประติมากรรมของ Artmulet และแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย รวมไปถึงบรรดาร้านค้าต่างๆ ของโครงการ Park91 ได้มาร่วมงานอันเป็นมหามงคลในครั้งนี้ด้วย

โดยก่อนที่จะเริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ตามเวลาฤกษ์ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง Artmulet ผู้รังสรรค์ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา สู่จิตวิญญาณแห่งมวลมนุษยชาติเพื่อมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน ได้กล่าวถึงเรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดของงานในครั้งนี้ดังนี้

โลกามหาธิบดีพรหม” ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธาอันยิ่งใหญ่ที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นแล้วบนผืนแผ่นดินทองของคนไทย ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา ที่ยังไม่เคยปรากฎขึ้นที่ไหนมาก่อน ด้วยการนำเอาผลงาน “มหาเทพพรหมลิขิต” ซึ่งเดิมเป็นขนาดบูชาที่มีความสูง 22 นิ้ว 16 นิ้ว และ11 นิ้ว มารังสรรค์สู่ผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนทั้งหลายที่มีความศรัทธาในองค์เทพ “มหาเทพพรหมลิขิต” ได้เข้ามาสักการะบูชาและขอพรตามความปรารถนา โดย Artmulet ผู้รังสรรค์ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา ได้ทำการขยายขนาดองค์ให้มีความสูงเป็น 120 นิ้วหรือ 3 เมตร 2 เซนติเมตร โดยหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ออสเตรเลียหรือสัมฤทธิ์นอกตลอดทั้งองค์รวมทั้งฐานเดิม เมื่อนำมารวมกับฐานหินย่อมุมสิบสองตามแบบสถาปัตยกรรมไทยแล้วทั้งองค์และฐานจะมีขนาดความสูงถึง 4เมตร  48 เซนติเมตร ทั้งนี้ Artmulet ได้นำเทคนิคสมัยใหม่มาใช้ในการขยายต้นแบบเพื่อให้ได้ผลงานประติมากรรมขนาดใหม่ที่ไม่มีความผิดเพี้ยนไปจากองค์ต้นแบบเดิมเลย อันนำไปสู่ผลงานประติมากรรมสุดอลังการ โดยถวายพระนามตามความเชื่อและความศรัทธา “โลกามหาธิบดีพรหม” อันสื่อความหมายถึง ท้าวมหาพรหมผู้ลิขิตความเป็นไปแห่งชีวิตของมวลมนุษยชาติ ผู้ลงมาสถิตเป็นอธิบดี ณ โลกาสถานแห่งนี้ เพื่อปลดเปลื้องโศกาดูร สู่ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย ก้าวหน้า และความรักที่มั่นคง แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธาที่ได้มาสักการะบูชาอย่างแท้จริง โดยยอดมงกุฎขององค์โลกามหาธิบดีพรหม ยังได้บรรจุพระบรมธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลางท่านได้เมตตาให้บรรจุไว้ เพื่อเกิดพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ในด้านทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง ชีวิตเจริญก้าวหน้ามั่นคง ดวงชะตาเปิดขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต แด่ผู้ที่มีจิตศรัทธามาสักการะบูชาองค์โลกามหาธิบดีพรหม ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ในทางพราหมณ์-ฮินดูนั้นเชื่อกันว่า ท้าวมหาพรหม คือมหาเทพผู้สร้างที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และมีอานุภาพมากมาย เป็นมหาเทพผู้บันดาลความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงได้นานับประการ การสร้างเทวรูปของท้าวมหาพรหม มักนิยมสร้างสี่หน้าแปดกร ทรงของที่ต่างกัน คนไทยที่มีความศรัทธาจะเชื่อว่าท้าวมหาพรหมนั้นเป็นผู้กำหนดชีวิตมนุษย์ให้เป็นไปต่างๆ นานา เรียกกันว่า “พรหมลิขิต”

จากความเชื่อความศรัทธาสู่ผลงานประติมากรรมอันล้ำค่า “โลกามหาธิบดีพรหม” อันเป็นผลงานที่สืบเนื่องมาจาก “มหาเทพพรหมลิขิต” เป็นผลงานประติมากรรมศิลปะไทยร่วมสมัย มีลักษณะย่างก้าวสู่แผ่นดินใหม่ยุคศิวิไลซ์ พระพักตร์ทั้งสี่ดูเข้มขลัง แต่ทรงไว้ซึ่งความเมตตา ด้านหลังมีประภามณฑล พระกรทั้งแปด ทรงสิ่งของอันมีความหมายทั้งหลายดังนี้
  • ทรงจักร หมายถึง การตัดกิเลสตัณหาให้พ้นจากความเสื่อมทั้งหลาย 
  • ทรงสังข์ หมายถึง ความมีชื่อเสียงที่ดีงามกังวาลไปทั้ง 4 ทิศ 
  • ทรงคทา หมายถึง ความตั้งมั่นอยู่บนคุณธรรมความดี
  •  ทรงคันฉ่อง หมายถึง การนำพาความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลายมาสู่ตน 
  • ทรงสร้อยประคำ หมายถึง การใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา
  • ทรงคัมภีร์ หมายถึง การค้นหาองค์ความรู้ใหม่อันเป็นต้นกำเนิดแห่งปัญญา
  • ทรงตรีศูล หมายถึง การลิขิตและดลบันดาลให้สมปรารถนา 
  • พระกรขวาทรงผายออก หมายถึง ทรงประทานพรให้ประสบแต่ความสำเร็จสมหวัง 
ประทับบนฐานทรงกลม 3 ชั้น ฐานชั้นบนประดับลวดลายบัวคว่ำบัวหงายอยู่รายรอบ ฐานชั้นที่สองประกอบด้วยลายดอกรักร้อยอยู่รายรอบฐาน มีกนกสามด้าน ด้านหน้าปรากฏสัญลักษณ์รูปหงส์อันเป็นพาหนะแห่งมหาเทพพรหมลิขิต ฐานชั้นล่างรายรอบด้วยลายประจำยามทั้งสี่ทิศ มหาเทพพรหมลิขิตองค์นี้เมื่อนำมาขยายความสูงให้เป็นผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่ จะยิ่งทำให้ดูแล้วมีความสง่างาม ยิ่งใหญ่ อลังการเป็นอย่างมาก ประดุจดังองค์มหาเทพพรหมลิขิต ได้จำแลงแปลงมาสถิตยังองค์ “โลกามหาธิบดีพรหม” เลยทีเดียว บริเวณฐานจะมีส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือฐานหินย่อมุมสิบสองตามแบบงานสถาปัตยกรรมไทยโดยส่วนของฐานนี้จะตั้งอยู่บนพื้นวงกลมต่างระดับประดุจดังการมาสถิตบนโลกาสถานแห่งนี้ อันเป็นที่มาแห่งพระนาม “โลกามหาธิบดีพรหม”

โดยผลงานดังกล่าวนี้สืบเนื่องจาก คุณปรัชญา เจริญจรัสกุล เจ้าของโครงการ  PARK91 โครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอันประกอบไปด้วย บ้านพักอาศัย คอมมูนิตี้มอลล์ และไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ย่านบางบัวทอง ในขณะที่จิตนิ่งเป็นสมาธิ คุณปรัชญา เจริญจรัสกุล ได้เกิดภาพนิมิตขององค์มหาเทพพรหมลิขิตผุดขึ้นในดวงจิต เกิดปิติขึ้นอย่างเป็นอัศจรรย์ ทำให้เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการตามหาที่มาขององค์เทพในนิมิตดังกล่าว โดยได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่าหากแม้ได้พบเจอองค์มหาเทพพรหมลิขิตในนิมิตดังกล่าวแล้ว ก็จะขอเป็นผู้ออกทุนในการจัดสร้างมหาเทพพรหมลิขิตองค์นี้ เพื่อให้พระองค์ทรงมาสถิตเป็นมิ่งขวัญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของบรรดาพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนทั้งหลายที่มีจิตศรัทธาต่อพระองค์ ด้วยดวงจิตอันเป็นกุศลศรัทธาอย่างแท้จริงนี่เอง นำพาให้ คุณปรัชญา เจริญจรัสกุล ประสบความสำเร็จสมหวังดังที่ได้ปรารถนาไว้ ในที่สุด Artmulet ผู้เป็นรังสรรค์ผลงานประติมากรรม มหาเทพพรหมลิขิต วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง จึงได้เรียนขอความเห็นจากท่านพระเดชพระคุณ พระครูวิเศษชัยวัฒน์ รักษาการเจ้าอาวาส วัดขุนอินทประมูล และท่านได้เมตตามีมติให้รังสรรค์ผลงานประติมากรรม มหาเทพพรหมลิขิต ขึ้นมาใหม่ดังที่ได้กล่าวรายละเอียดไว้แล้วข้างต้น และให้ Artmulet เป็นผู้ออกแบบด้านสถาปัตยกรรมทั้งหมดรวมทั้งพื้นที่บริเวณโดยรอบกว่า 3 ไร่ เพื่อให้สถานที่ดังกล่าวมีความงดงาม สงบ ร่มรื่น มีความเหมาะสมแก่การลงมาสถิตขององค์ “โลกามหาธิบดีพรหม” และพร้อมเป็นสถานที่ในการต้อนรับบรรดาพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนทั้งหลายผู้มาเยือนและมาสักการะบูชาพระองค์ โดยสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ต่อไปจะเรียกขานว่า“ลานโลกามหาธิบดีพรหม”

ผลงานประติมากรรมองค์ต้นแบบดังกล่าวนี้เกิดจากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานและ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการแห่ง Artmulet ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากรระดับบรมครู อ.สุชาติ แซ่จิว โดยศิลปินทั้งสองท่านสามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งประณีต วิจิตร บรรจง งดงาม อลังการ โดดเด่น ด้วยลีลาเส้นสายที่พลิ้วไหวต่อเนื่องลงตัวเป็นที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นเครื่องเจริญสติในการสร้างคุณงามความดีทั้งหลายและเพื่อมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป

ทั้งนี้องค์ โลกามหาธิบดีพรหม ได้ทำพิธีเททองหล่อเศียรนำฤกษ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมาแล้ว ณ ลานโลกามหาธิบดีพรหมแห่งนี้

และในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาซึ่งตรงกับแรม 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ Artmulet และคณะเจ้าภาพได้ร่วมกันจัดให้มีพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง โดยได้ทำพิธีบวงสรวงเทวาภิเษกเพื่ออัญเชิญทวยเทพเทวาทั้งหลายให้ลงมาสถิต ณ มนฑลพิธี ก่อนนำเข้าสู่ พิธีพุทธาภิเษกเบิกเนตร  “โลกามหาธิบดีพรหม” โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ท่านได้เมตตา เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ในการจุดเทียนชัย และนั่งปรกอธิฐานจิต และเบิกเนตร องค์โลกามหาธิบดีพรหม

ท่านเจ้าคุณพระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ) วัดชินวราราม จ.ปทุมธานี
นั่งปรกอธิฐานจิต หน้าพระพักต์องค์โลกามหาธิบดีพรหม
 
พระครูวิเศษชัยวัฒน์ (เสวย อาภากโร) วัดชัยมงคล จ.อ่างทอง
นั่งปรกอธิฐานจิต หน้าพระพักตร์องค์โลกามหาธิบดีพรหม

พระมหาเป็นหนึ่ง สุนทรเมธี วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
นั่งปรกอธิฐานจิต หน้าพระพักตร์องค์โลกามหาธิบดีพรหม

ส่วนประธานฝ่ายฆราวาส ได้แก่ คุณปรัชญา เจริญจรัสกุล และคุณแม่พะเยาว์ เจริญจรัสกุล ทั้งนี้ท่านพระเดชพระคุณพระครูวิเศษชัยวัฒน์ ได้นำผ้ายันต์ มหาเทพพรหมลิขิต ซึ่งจัดทำโดย Artmulet และถือเป็นต้นแบบของ องค์โลกามหาธิบดีพรหม มามอบให้แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธาที่ได้มาร่วมในพิธีครั้งนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีกรรมดังกล่าว โดยผ้ายันต์ มหาเทพพรหมลิขิต ยังผ่านการบวงสรวงและพุทธาภิเษกมาแล้วมากมายหลายพิธี รวมทั้งพิธีครั้งนี้ด้วย ปัจจุบันผ้ายันต์ดังกล่าวได้ปิดให้บูชาไปนานแล้ว ดังนั้นนอกจากในพิธีนี้จะก็จะไม่สามารถหาได้อีกจึงถือได้ว่าเป็นของดีที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ผู้ใดมีไว้ในครอบครองก็ควรที่จะเก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ

สมัครรับข้อมูลข่าวสาร

สมัครวันนี้ เพื่อรับข้อมูลข่าวสาร และบทความดีๆจากทาง Artmulet ก่อนใคร